เรียนรู้ Graphic Design สู่วิธีต่อยอดรายได้ด้วยไอเดีย

การออกแบบกราฟิก (Graphic Design) เรียกได้ว่าเป็นคำที่หลายคนคุ้นหู และคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน หันซ้ายหันขวาก็ล้วนต้องเจองานกราฟิกไปซะทุกที่ ทักษะด้านการออกแบบนี้มักจะติดอยู่ในอันดับสกิลยอดฮิตตลอดกาลเสมอ (อ่านเพิ่มเติม : 23 ทักษะสำคัญสู่ความสำเร็จรับปี 2023) เพราะ Graphic Design เป็นส่วนสำคัญของการสื่อสาร การตลาด การสร้างแบรนด์ ช่วยสื่อสารข้อความและอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจะเป็นนักออกแบบกราฟิกนอกจากจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับ ทฤษฎีสี องค์ประกอบภาพ หรือการพิมพ์ การผลิตงานด้วยสีดิจิทัลเป็นอย่างดีแล้ว ยังจำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคการใช้ซอฟต์แวร์ด้วย ซึ่งเชื่อว่านักออกแบบทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ต้องเคยได้ยินชื่อโปรแกรมออกแบบกราฟิกยอดฮิต อย่าง Photoshop และ Illustrator แน่นอน บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับโปรแกรมออกแบบ 2 โปรแกรมนี้ว่าแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับตัวเรามากกว่า และไอเดียต่อยอดสร้างรายได้จากความรู้ด้าน Graphic Design


โปรแกรม Graphic Design ยอดนิยม

Adobe Photoshop

เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับปรับแต่งรูปภาพแบบ Raster หรือก็คือไฟล์ภาพที่มีลักษณะเป็นจุดสีต่าง ๆ ซึ่งมีหน่วยเป็น Pixel ที่มีจำนวนคงที่ ทำให้ภาพอาจมีรายละเอียดลดลงได้เมื่อขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น หากต้องการเพิ่มรายละเอียดของภาพ ขนาดของไฟล์ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งไฟล์ภาพที่เราคุ้นเคยกันดีก็เช่น JPEG, PSD, PNG และ TIFF นั่นเอง โปรแกรม Photoshop มักจะใช้ในงานที่เกี่ยวข้องการปรับแสง ปรับสี รีทัช ลบตาแดงเวลาถ่ายภาพ ใส่สีให้กับภาพที่ชำรุด ทำภาพพาโนรามาต่อกัน หรือจะสร้างงานกราฟิกขึ้นมาใหม่จากการตัดต่อก็ได้ ข้อดีคือได้ภาพที่สมจริง ใครที่ชื่นชอบการทำงานกับภาพในลักษณ์รูปจริงก็เน้นฝึกใช้งาน Adobe Photoshop ได้เลย

Adobe Illustrator

เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ทำงานกับภาพ Vector หรือภาพที่เกิดจากการกำหนดพิกัดและการคำนวณค่าบนระนาบสองมิติ เกิดเป็นเส้น หรือรูปภาพ สามารถที่จะย่อหรือขยายภาพได้โดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง แต่ข้อด้อยคือภาพที่สร้างขึ้นจะไม่เหมือนภาพจริงเป็นเพียงภาพวาด หรือใกล้เคียงภาพถ่ายเท่านั้น ไฟล์ภาพ เช่น SVG, PS, EPS และ AI สายสร้างสรรค์ illustrator สามารถที่จะผลิตงานได้ตามจินตนาการ เพราะสามารถปรับแต่งลายเส้นได้ดั่งใจ และนำไปต่อยอดไอเดียต่อได้หลายทาง


วิธีสร้างรายได้จากงาน Graphic Design

1. บริการปรับแต่งรูปภาพ

มีตั้งแต่การแก้ไขสี การปรับความสว่างอย่างง่ายไปจนถึงงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การลบพื้นหลัง การปรับแต่งวัตถุ การรีทัชภาพบุคคล การใส่สีให้กับรูปภาพขาวดำ หลัก ๆ จะต้องใช้โปรแกรม Adobe Photoshop ซึ่งนักออกแบบสามารถที่จะทำเป็นอาชีพหลักแบบ Full-Time กับบริษัท หรือรับเป็นงานฟรีแลนซ์ก็ได้ การทำงานนี้จำเป็นจะต้องมีความละเอียดอย่างมาก เพราะการจ้างงานนั้นลูกค้าหรือผู้จ้างต้องการความเนี๊ยบและสมจริง

2. ออกแบบงานให้แก่บริษัท/ร้านค้า

เช่น Logo, นามบัตร, Company Profile, Brochure, เป้าหมายของการออกแบบ คือ การสร้างเอกลักษณ์ให้กับบริษัทหรือแบรนด์สินค้าได้อย่างถูกต้องและดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย งานประเภทนี้ก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนการออกแบบนั้นมักจะมีการทำวิจัยหรือมีบุคลิกที่อยากจะสื่อมาก่อนแล้ว หน้าที่ของนักออกแบบคือต้องใช้ข้อมูลเหล่านั้นประกอบการออกแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของบริษัท ซึ่งซอฟต์แวร์ที่สามารถนำมาใช้ทำงานได้ก็ทั้งโปรแกรม Photoshop และโปรแกรม illustrator ขึ้นอยู่กับความถนัดของนักออกแบบ และผลลัพธ์ที่ต้องการ

3. รับทำภาพ Mockup สินค้า

ปัจจุบันมีธุรกิจเกิดขึ้นใหม่มากมาย และหลายธุรกิจเป็นลักษณะการขายสินค้าที่ต้องมีการผลิต จุดประสงค์ในการออกแบบจำลองผลิตภัณฑ์นั้นมีหลากหลายสาเหตุ เช่น ใช้เพื่อการโฆษณา ใช้นำเสนอผู้บริหารก่อนทำการผลิตสินค้าจริง การทำภาพสำหรับลงขายในอีคอมเมิร์ซ เพราะหลายธุรกิจเลือกที่จะใช้ภาพกราฟิกมากกว่าถ่ายจากสินค้าจริง เพื่อลดต้นทุนและขั้นตอนในการทำโปรดักชันถ่ายภาพ การออกแบบ Mockup จะช่วยทำให้เห็นภาพของสินค้าชัดเจนขึ้น สามารถนำไปต่อยอดการออกแบบภาพโฆษณาหรือนำเสนอได้หลากหลาย

4. ออกแบบ Package สินค้า

บรรจุภัณฑ์สินค้าแทบจะเป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้าไปแล้ว เรียกได้ว่าเดี๋ยวนี้แค่มีสินค้าคุณภาพดียังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดใจลูกค้าได้ เพราะสิ่งหนึ่งที่ลูกค้าสนใจคือความใส่ใจของแบรนด์ ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ของสินค้าจึงเป็นด่านหน้าที่ช่วยจัดการกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างใส่ใจ แข็งแรง ประหยัดวัสดุ เช่น กล่องที่สามารถยึดติดกันได้โดยไม่ต้องใช้เทปกาวเพิ่ม รวมทั้งการออกแบบให้มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อม ก็ยิ่งจะทำให้ลูกค้าประทับใจ ดังนั้นการออกแบบจึงจำเป็นอย่างมาก

5. ออกแบบภาพโฆษณา

เป้าหมายของการออกแบบกราฟิกโฆษณาคือการสร้างการออกแบบที่สะดุดตา น่าจดจำ และสามารถสื่อสารข้อความที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบภาพโฆษณาจำเป็นจะต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร มีวัตถุประสงค์อะไร เช่น สร้างการรับรู้ ดึงดูดการซื้อ ผู้ออกแบบจำเป็นต้องมีความรู้เรื่อง สี รูปแบบตัวอักษร องค์ประกอบ และตราสินค้า รวมถึงความเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย เนื่องจากเป็นงานที่นำไปใช้เชิงพาณิชย์

6. ขายภาพ Stock Photo / Vector

การทำภาพดิจิทัลและกราฟิกขายเป็นหนึ่งทางเลือกในการสร้าง Passive Income ที่เหล่ากราฟิกดีไซน์นิยมมาก เพราะสร้างงานหนึ่งชิ้น สามารถวางขายได้ตลอด คอนเซ็ปต์ของการทำงานนี้คือถ่ายภาพ (แล้วปรับแต่งด้วย Photoshop) หรือสร้างงานกราฟิกด้วย illustrator เพื่อเป็นภาพองค์ประกอบ (Element) ให้ผู้ใช้งานนำไปใช้งานต่อได้ ไม่ว่าจะเป็น งานเว็บไซต์ โฆษณา งานนำเสนอ สื่อสิ่งพิมพ์ การขายภาพ Stock Photo และ Vector สามารถทำได้ผ่านออนไลน์ ข้อดีคือลูกค้าของเราสามารถเป็นใครก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ สิ่งสำคัญในการออกแบบคือต้องหมั่นศึกษาว่าภาพแบบไหนเป็นที่นิยม หาสไตล์เฉพาะตัวของเราเอง ภาพตามเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องคำนึงถึงภาพที่ผู้ใช้งานสามารถนำไปต่อยอดได้

7. ขาย Digital Product

ตัวอย่างเช่น การทำ Digital Planner, สมุดบันทึก, E-Books, Digital Card สิ่งเหล่านี้จะค่อนข้างคล้ายกับการขายภาพ Stock เพียงแต่สำเร็จรูปมากขึ้น คือออกแบบให้พร้อมสำหรับการใช้งานได้เลย สามารถสร้างงานหนึ่งครั้ง วางขายได้ตลอดเช่นกัน แต่ก็ควรต้องศึกษากลุ่มเป้าหมาย และรูปแบบที่เป็นที่นิยม หรือมีสไตล์ของตัวเอง เช่น สร้าง Digital Planner สำหรับผู้ใช้งาน Tablet วัยทำงาน ส่วนประกอบก็ควรเกี่ยวข้อง อย่างปฏิทิน, To do List แต่ละวัน, หน้าสำหรับบันทึกการประชุม, ระยะเวลาทำโปรเจ็กต์

8. ทำ Sticker Line

อีกหนึ่งช่องทางเพิ่มรายได้ที่นักออกแบบหลายคนนิยมทำคือการออกแบบ สติ๊กเกอร์ Line สำหรับใช้สนทนาในแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสนุกในการพูดคุยได้ดี การทำสติกเกอร์ Line จำเป็นต้องอาศัยทักษะในการออกแบบ ทั้งภาพประกอบและกราฟิก รวมถึงความเข้าใจแพลตฟอร์มและประเภทของสติกเกอร์ที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้ด้วย สิ่งสำคัญคือการออกแบบนั้นต้องมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และน่าดึงดูด เข้าใจว่าแบบไหนน่าจะนำไปใช้งานได้จริง เพราะแค่สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องคิดภาพที่สื่อความหมายของคำออกไปให้ได้ด้วย นักออกแบบสามารถสร้างสติกเกอร์ได้โดยใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิก อย่าง Adobe Illustrator หรือ Photoshop จากนั้นส่งเพื่อตรวจสอบและอนุมัติผ่าน Line Creator Market เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วจึงจะสามารถขายหรือแจกได้


แนะนำเว็บไซต์หารายได้ด้วย Graphic Design

เว็บไซต์ Shutter Stock

screencapture-shutterstock

แหล่งรวมคลังภาพ คลังวิดีโอ รวมถึงคลังเพลงขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนชิ้นงานหลักล้านชิ้นอยู่บนเว็บไซต์ เป็นตลาดช้อปปิ้ง Stock ที่ใหญ่เบอร์ต้นของโลกเลยทีเดียว นักออกแบบสามารถส่งผลงานเข้าไปขายและรับเปอร์เซ็นต์จากการขายทุกครั้งที่มีการดาวน์โหลดภาพถ่าย หรือภาพเวกเตอร์ไปใช้งาน ซึ่งรายได้จะจัดลำดับเป็น Tier เริ่มต้นที่ 15% ไปจนถึง 40% ขึ้นอยู่กับปริมาณภาพที่ขายได้ต่อปี (ดูรายละเอียดการแจกแจงรายได้)

เว็บไซต์ Adobe Stock

screencapture-stock-adobe

อีกหนึ่งตลาดขายภาพ Stock ที่น่าสนใจ มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก การสมัครเป็นผู้ขายสามารถทำได้ง่ายมาก รวมถึงส่วนแบ่งรายได้ที่แบ่งเท่ากันทุกรูปภาพอยู่ที่ 33% สามารถขายได้ทั้งงานภาพถ่าย งาน Vector และวิดีโอ และเพราะว่า Adobe Stock เป็นการขายรูปภาพแบบ Non-Exclusive ดังนั้นเราจึงสามารถนำภาพของเราที่วางวายบนเว็บอื่นก่อนหน้า มาขายบน Adobe Stock ได้เช่นกัน ซึ่งเราแนะนำให้นักออกแบบอัปโหลดงานไว้หลาย ๆ เว็บ เพื่อไม่ปิดโอกาสตัวเองในการขายผลงาน

**ยังมีเว็บไซต์ขายภาพอีกมากมาย ลองค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด “photo stock contributor”

เว็บไซต์ Fiverr

screencapture-fiverr

แหล่งเชื่อมโยงคนจ้างงานและคนหางานให้มาเจอกัน เป็นเว็บไซต์ระดับโลกที่เราสามารถรับงานจากต่างประเทศโดยที่เรานั่งทำงานอยู่ที่บ้านได้ นักออกแบบสามารถรับงาน Graphic Design ได้ทุกรูปแบบเท่าที่จะสามารถนึกออกได้ ไม่ว่าจะเป็นออกแบบโลโก้ ออกแบบตัวละคร อินโฟกราฟิก งานพิมพ์ บรรจุภัณฑ์ ป้ายเมนูอาหาร หน้าปกหนังสือ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยที่เราสามารถตั้งราคางานได้เองเลย เว็บไซต์จะเก็บค่าธรรมเนียมจากเราก็ต่อเมื่อมีการจ่ายเงินค่างานเท่านั้น

เว็บไซต์ Upwork

screencapture-upwork

เป็นเว็บไซต์หางานสำหรับฟรีแลนซ์อีกหนึ่งเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้ใช้งานและหมวดหมู่งานให้เลือกหลากหลาย สามารถตั้งราคางานของเราและเสียค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มเมื่อขายงานได้ ซึ่งจะเก็บเป็นขั้นบันได 500$ แรก เสียค่าธรรมเนียม 20% ระหว่าง 501$-10,000$ เสียค่าธรรมเนียม 10% และ 10,001$ ขึ้นไปเสียค่าธรรมเนียม 5%

เว็บไซต์ Fastwork

screencapture-fastwork

แพลตฟอร์มหางาน Freelance ของคนไทย มีหลายหมวดหมู่ให้ได้ลงงาน โดยนักออกแบบสามารถสร้างโปรไฟล์ของตัวเอง เพื่อเปิดรับงานได้ตามราคาที่ตั้งเองได้เลย ซึ่งทางฟาสต์เวิร์กจะคิดค่าธรรมเนียมจากค่าจ้างงานจำนวน 17% บางคนอาจจะมองว่าสูงก็ได้ แต่ถ้ามองถึงความปลอดภัยในการไม่ต้องถูกหลอกให้ทำงานฟรี ก็เหมือนเราเสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าเช่าหน้าร้าน และค่าระบบความปลอดภัยการันตีค่าจ้าง เพราะระบบจะกำหนดให้ผู้จ้างจะต้องชำระเงินเข้ามาก่อนเริ่มงาน และฟรีแลนซ์จะต้องส่งงานให้ผู้จ้างอนุมัติก่อนจึงจะเบิกเงินได้ ข้อดีคือการทำธุรกรรมการเงินสะดวก ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการถอนเงิน ไม่ต้องแปลงค่าเงิน


แนะนำหลักสูตร Graphic Design

Photoshop Professional with Adobe Photoshop CC
Photoshop Professional with Adobe Photoshop CC

เนื้อหาที่จะได้เรียน :

  • ความเข้าใจพื้นฐานในโปรแกรม Adobe Photoshop
  • การใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop
  • การส่งออกงาน และแนวทางการสร้างรายได้จากภาพ

รายละเอียดหลักสูตร
Illustrator Professional with Adobe illustrator CC
Illustrator Professional with Adobe illustrator CC

เนื้อหาที่จะได้เรียน :

  • ความเข้าใจพื้นฐานในโปรแกรม Adobe Illustrator
  • การใช้งานโปรแกรม Adobe Illustrator
  • การส่งออกงาน และแนวทางการสร้างรายได้จากการสร้างสรรค์งานด้วยโปรแกรม Adobe Illustrator
  • การสร้างสื่อสิ่งพิมพ์และดิจิทัลด้วยโปรแกรม Adobe Illustrator

รายละเอียดหลักสูตร
Graphic Design with Photoshop & Illustrator
Graphic Design with Photoshop & Illustrator

เนื้อหาที่จะได้เรียน :

  • เรียนรู้พื้นฐานการออกแบบและศิลปะ
  • เรียนรู้พื้นฐานการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop
  • เรียนรู้เครื่องมือสำหรับการตกแต่งภาพ
  • ทดลองตัดต่อภาพตามแบบที่กำหนด
  • เรียนรู้การปรับแต่งแสงและสีของภาพและการจัดการภาพ
  • เรียนรู้การเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพ และการจัดการภาพจำนวนมาก
  • เรียนรู้พื้นฐานการใช้งานและการวาดภาพในโปรแกรม Adobe Illustrator
  • เรียนรู้เครื่องมือ และคำสั่งการในการวาดภาพ
  • เรียนรู้การวาดสร้างองค์ประกอบเสริมเพื่อลดระยะเวลาในการทำงาน
  • เรียนรู้การออกแบบสื่อด้วยโปรแกรม Illustrator
  • ออกแบบชิ้นงานสุดท้าย และนำเสนอผลงาน

รายละเอียดหลักสูตร

นอกจากการเรียนรู้โปรแกรม Graphic Design แล้ว สายออกแบบยังสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือ การการันตีความสามารถด้านการใช้งานซอฟต์แวร์ด้วย Adobe Certified Professional ใบรับรองความรู้มาตรฐานที่ออกโดย Adobe ร่วม กับ Certiport

ผู้สนใจสามารถรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการสอบได้ทุกช่องทางการติดต่อของ บริษัท เออาร์ไอที จำกัด หรือโทร 02-610-3095 , 02-610-3097 หรือคลิก ลงทะเบียน เพื่อจองที่นั่งสอบ

Previous Post23 ทักษะสำคัญสู่ความสำเร็จรับปี 2023
Next Postส่องรายได้สาย IT ย้ายสายอาชีพตอนนี้ยังทันอยู่ไหม